- รายละเอียด
- ฮิต: 676
หลวงปู่ทองดี อนีโฆ แสดงธรรม
เนื่องในโอกาสงานกฐินสวนป่าพุทธบารมี ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๙
พระธรรมเทศนาจากพระพิศาลญาณวงศ์
(ท่านเจ้าคุณหลวงปู่ทองดี อนีโฆ ประธานสงฆ์วัดใหม่ปลายห้วย)ในวันงานรับกฐินที่สวนป่าพุทธบารมี
เมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๙
...ขอน้อมจิตอนุโมทนาบุญกุศลกับญาติโยมทุกคนที่ได้เดินทางมา ได้สละความเหนื่อยยากลำบากกว่าโยมจะได้เงินร้อยสองร้อย กว่าโยมจะได้เงินแสนนี่บางคนเก็บมาค่อนชีวิตกว่าจะได้เงินมากขนาดนี้ ทำมาหากินอดมื้อกินมื้อ ประหยัดค่าใช้จ่าย ถึงจะเป็นเงินร้อย เงินยี่สิบหมื่นหมื่น อาตมาก็ซึ้งในใจของญาติโยม ที่โยมได้สละ แม้โยมรวบรวมไว้กว่าจะได้แสนนี้ บางครั้งเป็นสิบปี ยี่สิบปี แต่โยมได้ละ ได้ชนะความตระหนี่ ได้น้อมมาถวาย ฝากเอาไว้ในพระพุทธศาสนา เอาอย่างโยมสมทรงถวายหนึ่งล้าน ถามว่ากว่าจะหาได้หนึ่งล้านนี่กี่ปี แต่โยมไม่ขี้ตระหนี่ในการทำบุญอันนี้เรียกว่าโยมเป็นคนรวย คนรวยคือคนที่ทำบุญ บางคนมีเงินแต่ไม่ทำบุญ อันนั้นเรียกคนจน คือจนที่ไม่รู้จักว่าการที่เราน้อมเราให้ถวายฝากไว้ในพระพุทธศาสนา เหมือนเราฝากธนาคาร เมื่อถึงวันเวลาดอกผลนั้นมันก็จะให้เราเก็บกินได้ คนเราทุกคนนั้นโยมเอ๋ยไม่มีใครที่จะไม่มีสิ่งอื่นอันใดที่จะติดตามตัวเราพวกเราไปได้ นอกจากศีล ทาน สมาธิ ศีลเป็นเบื้องต้นให้ใจของเราเย็นบริสุทธิ์ เพราะฉะนั้นแล้วไม่ว่าเราจะถวายอะไร พวกเรามักจะรับศีล และถ้าเรามีศีลแล้วเราก็จะจะต้องได้รับศีลได้ชื่อว่าเราเป็นผู้บริสุทธิ์ เมื่อเราเป็นผู้บริสุทธิ์ด้วยศีลคือการมีการสำรวมกายวาจาใจให้เป็นปกติ โยมมีศีลนั้น สีเล น สุคติง ยันติ ศีลย่อมพาญาติโยมนั้นถึงสวรรค์ได้อย่างแน่นอน และทานที่โยมให้นั้นเมื่อโยมได้ทำนาแล้ว โยมก็ได้เก็บเกี่ยวพันธุ์ข้าวที่โยมได้หว่านแล้วนั้นในพระพุทธศาสนาอย่างแน่นอน สมาธิขอให้พวกเราเจริญจิตภาวนา เขาเปรียบว่าสวดมนต์เหมือนยาทาวิปัสสนาเหมือนยากิน เรากำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก พุทโธ พุทโธ พุทโธ กำหนดจิตอย่างนี้ ไม่ต้องเอามาก เอาสักวันละสองนาทีสามนาทีก็พอ เพราะบางครั้งการที่เราจะให้จิตของเรานั้นสำรวมเป็นหนึ่งเดียว ให้จิตมันตั้งมั่นเป็นอารมณ์อุเบกขานั้น มันเป็นของยาก เพราะตามปกติวิสัยของจิตแล้วจิตเป็นตัวคิด จิตเป็นตัวคิด จิตเป็นตัวปรุงแต่งของสังขาร ที่มันเกิดขึ้นนั้นแห่งจิตของเราทำอย่างไรที่จะไม่ให้จิตของมันฟุ้งซ่านแส่ส่ายไปตามกามารมณ์ ที่รูป ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ สัมผัสรูปรสกลิ่นเสียงโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ อันนี้แหล่ะสำคัญ ถ้าเรามีสติมีสัมปชัญญะ รู้เท่าทันกิเลส เราก็จะเกิดปิติ แต่ถ้าเรารู้ไม่เท่าทันกิเลส กิเลสก็จะเกิดขึ้นในใจของเราเมื่อกิเลสเกิดขึ้นในใจของเราแล้ว เราจะทำยังไง กิเลสมันจึงจะหายไป มัชฌิมาปฏิปทา ให้เราเดินสายกลาง ใจกลางนั้นคือสัมมาทิฏฐิ ขอให้เราเห็นชอบก่อน เห็นถูกต้องก่อน เมื่อเราเห็นถูกต้องว่าชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ความตายเป็นของเที่ยง เมื่อเราเห็นจริงอย่างนี้แล้ว เราพิจารณาว่าสังขารร่างกายคนเรานั้นเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เพราะมันเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือความไม่เที่ยง ความไม่ใช่ตัวตน ความไม่ใช่บุคคลเราเขา เราไม่เคยสามารถบังคับให้อย่าแก่ อย่าเจ็บ อย่าป่วย เราไม่สามารถบังคับได้ แต่อานิสงส์แห่งสมาธินั้น ถ้าเราเจริญสมาธิบ่อยๆความหลงมันก็จะไม่เกิด ความหลงอันนี้คือถูกโมหะเข้าครอบงำ ถ้าเราทำลายโมหะ ทำลายความหลงออกไปได้ เราก็จะเหลือแต่ปัญญา ปัญญาที่ที่รู้เห็นชอบ รู้เห็นตามความเป็นจริง ในบทพระธัมมจักรตรัสว่า อิทัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขัง อะริยะสัจจัง ฯ ชาติปิ ทุกขา ชะราปิ ทุกขา มะระณัมปิ ทุกขัง โสกะปะริเทวะ ทุกขะ โทมะนัสสุปายาสาปิ ทุกขา อัปปิเยหิ สัมปะโยโค ทุกโข ปิเยหิ วิปปะโยโค ทุกโข ยัมปิจฉัง นะ ละภะติ ตัมปิ ทุกขัง สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา ฯ
ความเกิดก็ดี ความแก่ก็ดี ความตายก็ดี ความพลัดพรากจากสิ่งที่เรารักที่พอใจ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นทุกข์ทั้งสิ้น
สุดท้ายนี้ก็ขออนุโมทนาบุญกับญาติโยมทุกคน ที่ได้สละแรงทรัพย์ แรงใจ ฝากไว้ในพระพุทธศาสนา ขอปัจจัยที่ญาติโยมเหนื่อยยากแค่ไหนกว่าจะเก็บมาได้ถึงขนาดนี้ ขอผลบุญในครั้งนี้จงสำเร็จโดยฉับพลัน ขออำนาจแห่งเทพบุตร เทพธิดา ทั้งหลายจงบันดาลให้ญาติโยมที่ได้สละทรัพย์มาแล้วจงรีบถึงสะท้อนย้อนกลับไปหาญาติโยมทั้งหลาย เป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้านเป็นกุรุสกุรุสกลับไปหาญาติโยม ขอโยมนึกถึงสิ่งใดสมปราถนา
นะโมพุทธายะ สิทธิกิจจัง สิทธิกัมมัง สิทธิการิยะตะถาคะโต สิทธิเตโชปิยัง สิทธิกัมมังภะวันตุเต พุทธังประสิทธิเต ธัมมังประสิทธิเต สังฆังประสิทธิเต นะโมพุทธายะ จงดลบันดาลให้สำเร็จโดยฉับพลันรวดเร็วและเร็ววัน ด้วยกันหมดทุกญาติทุกโยมเทอญ...
****************************************
ขอขอบคุณแม่ชีจึ๋งเป็นอย่างสูงครับ ที่ได้ถอดธรรมเทศนาจากเครื่องบันทึกเสียง ขออนุญาตนำมาเผยแพร่ต่อนะครับ
ขออนุโมทนาสาธุ ในบุญนี้ด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ